"ฝรั่ง"
ครีมสมุนไพรไทย
ผลไม้แห่งความงาม
และบำรุงผิวพรรณ
ที่หลายคนอาจไม่รู้
"ฝรั่ง" ผลไม้เพิ่มความงาม ที่หลายคนอาจไม่รู้ "ฝรั่ง" เป็นผลไม้ที่คนไทยเรารู้จักดี และนิยมนำผลมาบริโภค เพราะ "ฝรั่ง" มีรสชาติหวานกรอบอร่อย แต่ในทางสมุนไพรแล้ว เปลือกและใบจากต้น "ฝรั่ง" ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้ สมัยก่อนนั้นเราท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า "ฝรั่งขี้นก" ซึ่งเป็นฝรั่งพันธุ์พื้นบ้านพันธุ์หนึ่ง คนสมัยก่อนนิยมใช้ "ฝรั่งขี้นก" นี้มาทำยา แต่ปัจจุบันไม่ใคร่มีฝรั่งพันธุ์ไทยแท้นี้เหลืออีกแล้ว จะมีก็แต่ ฝรั่งเวียดนาม ฝรั่งสาลี่ ฝรั่งไร้เมล็ด หา "ฝรั่งขี้นก" มาทำยายากมาก
ฝรั่งขี้นก มีผลขนาดเล็กเท่าๆ กับผลหมากดิบเห็นจะได้ เนื้อบาง แม้กัดเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็จะเจอเมล็ดซึ่งมีอยู่มากมายในผล เหตุที่เรียกว่า "ฝรั่งขี้นก" ก็เพราะเมื่อผลแก่จัดจนสุกแล้ว นก หนู จะเอาไปกิน แล้วคาบไปไว้ในที่ต่าง ๆ บ้าง ตกลงมาสู่พื้นดินบ้าง กินแล้วถ่ายออกมาบ้าง เมล็ดเลยตกอยู่ตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เรือกสวน ไร่นา ที่ว่างเปล่า ป่าละเมาะ ซึ่งในสมัยก่อนจะพบเห็น "ฝรั่งขี้นก" นี้ยืนต้นอยู่ตามที่ต่าง ๆ เสมอ แต่คนรุ่นหลังอาจจะไม่มีโอกาสเห็น "ฝรั่งขี้นก" อีกแล้วในเวลานี้ คงเห็นแต่ฝรั่งที่มีผลโตมากเป็นพิเศษมากกว่า แต่ขอให้รู้เถิดว่า "ฝรั่ง" นี้แหละคือยอดสมุนไพรชั้นดีทั้งๆ ที่ก็เป็นผลไม้ที่มีคนรู้จักกันมากมายด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ฝรั่งขี้นกจะหาไม่ได้ แต่ฝรั่งพันธุ์อื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็มีคุณประโยชน์ดุจเดียวกัน
.........................................................................................................
โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน
.........................................................................................................
► "ฝรั่ง" กับนานาสรรพคุณ
"ฝรั่ง" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Psidium guajave Linn. "ฝรั่ง" เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงกว่าผลไม้อื่น ๆ ในปริมาณ 100 กรัม ฝรั่งจะมีวิตามินซีอยู่ 187 มิลลิกรัม มีเบต้าแคโรทีน ร้อยละ 21 ไมโครกรัม นอกจากนั้นยังมีเกลือแร่และวิตามินต่าง ๆ อยู่อีกมาก
"ฝรั่ง" เป็นต้นไม้ยืนต้น ขนาดเล็กสายพันธุ์หนึ่ง กิ่งไม้แข็งเหนียว กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ใบเรียวออกเป็นคู่ตรงกันข้าม ยอดอ่อนมีขนเล็ก ๆ ใบสีเขียวสด ยาวรี ปลายใบโค้งมนมีติ่งแหลม ดอกมีสีขาวออกเป็นช่อ ๆ ช่อละ 2-3 ดอก ผลฝรั่งเป็นส่วนที่คนไทยรู้จักดี และนิยมบริโภค ลักษณะผลเป็นทรงกลมสีเขียว พอแก่จัดจะออกสีเหลืองอมเขียวอ่อน ๆ เนื้อข้างในสีขาวนวล มีกลิ่นหอม มีเมล็ดเล็ก ๆ เป็นจำนวนมากเกาะรวมกันอยู่เป็นก้อนแข็ง เมล็ดของผล "ฝรั่ง" นี้เอามาเพาะเป็นต้นกล้าเพื่อขยายพันธุ์ได้ หมอพื้นบ้านของไทยหรือแพทย์แผนโบราณมักเอาผลอ่อนหรือเอาใบแก่ของต้น "ฝรั่ง" ที่ยังสด ๆ มาต้ม แล้วนำน้ำมาดื่มเป็นยารักษาอาการของท้องร่วง ท้องเสีย ได้ผลดีมาก จากการวิเคราะห์และวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ปรากฎว่าในใบของต้นฝรั่งมีน้ำมันหอมระเหย Eugenol, Tannin 8-10 % โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสารแทนนินที่มีอยู่ในใบและผลของต้น "ฝรั่ง" นั้นมีฤทธิ์ทางยาใช้รักษาอาการท้องเสียได้ นอกจากนั้นยังออกฤทธิ์กำจัดเชื้อแบคที่เรียที่ทำให้เกิดหนองได้อีกด้วย
► เนื้อ "ฝรั่ง" สารพัดประโยชน์
"ฝรั่ง" ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใด เนื้อจากผลของ "ฝรั่ง" เหล่านี้ล้วนมีสารสำคัญคือ แทนนิน และวิตามินต่าง ๆ อยู่อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะวิตามินซี สารสำคัญเหล่านี้สามารถเอามาพอกทาบำรุงผิวพรรณของคนเราได้อย่างยอดเยี่ยม
► วิธีทำ "ครีมฝรั่ง" เพื่อบำรุงผิวพรรณ
ทำได้ง่าย ๆ โดยขั้นตอนแรกให้นำ "ผลฝรั่ง" มาใส่ลงไปในเครื่องปั่น ผสมกับน้ำสะอาดพอสมควร ปั่นจนละเอียดและเหนียว จนเป็นครีมที่เอามาทาและพอกผิวกายได้ หากใช้ไม่หมดภายในวันเดียว ให้เก็บไว้ในขวดแล้วปิดฝาใส่ตู้เย็นเก็บไว้ในช่องเย็นธรรมดา สามารถเก็บเอาไว้ใช้นานประมาณ 1 สัปดาห์
"ครีมฝรั่ง" เป็นครีมธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการประทินโฉม โดยเอามาพอก ทา ลูบไล้ พรายพรมและนวดผิวกายให้เกิดความผุดผ่องเป็นยองใย
► วิธีใช้ประโยชน์จาก "ครีมฝรั่ง"
เมื่อได้ครีมจากเนื้อของผล "ฝรั่ง" ให้เอามาผสมกับน้ำผึ้งเดือน 5 หากไม่มีให้ใช้น้ำผึ้งแท้แทนได้ ผสมลงไปในเนื้อครีม ตามอัตราส่วน น้ำผึ้งต่อเนื้อครีม 10: 100 เพื่อให้ "ครีมฝรั่ง" มีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวพรรณของคนเรามากเป็นทวีคูณ สำหรับวิธีใช้ ให้เอามาทา พอก และทาตามผิวหน้ารวมทั้งผิวกายให้ทั่ว ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาทีเศษ จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ปฏิบัติเช่นนี้เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง คุณจะรู้สึกได้ด้วยตนเองว่า ผิวของคุณนั้นเกลี้ยงและนวลเนียนขึ้น ส่วนผิวหน้าจะขาวผุดผ่อง สะอาดสดใส อย่างเห็นได้ชัด
"ครีมจากผลฝรั่ง" เป็นครีมธรรมชาติ ใช้บำรุงและเพิ่มความสดใสให้แก่ผิวพรรณอย่างดียิ่ง ในสถานบริการสปาก็นิยมใช้เนื้อของผล "ฝรั่ง" มาทำเป็นครีมบำรุงผิวพรรณให้แก่ลูกค้าด้วยเช่นกัน
♦เรียบเรียงบทความ
"ฝรั่งขี้นก ครีมสมุนไพรไทย ผลไม้แห่งความงาม ที่หลายคนอาจไม่รู้"
โดยกองบรรณาธิการ
www.YesSpaThailand.com
|