คงไม่มีใครที่อยาก ”หน้าแก่ก่อนวัย” จึงต้องขวนขวายหาผลิตภัณฑ์ความงามที่มี ”สารต้านอนุมูลอิสระ” มาใช้ เพื่อชะลอความเหี่ยวย่นบนใบหน้า แต่ใครจะไปคิดว่า ”ของเหลือทิ้ง” อย่างเปลือกเงาะ เปลือกมังคุด และเปลือกทับทิม เมื่อนำมาสกัดจะมีฤทธิ์ในการต้านสารอนุมูลอิสระมากที่สุด ซึ่งไม่เพียงเพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้ง แต่ยังช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกร และทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศในราคาสูงได้อีกด้วย

ปัจจุบันกระแสการหันกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากผู้คนมีความตระหนักดีว่า กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ล้วนต้องสัมผัสกับสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ เขม่าควัน สารเคมี ควันบุหรี่ แสงแดดจ้า ความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการสะสมสารอนุมูลอิสระในร่างกาย โดยสารอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นสารอิเล็กตรอนเดี่ยวไม่สามารถอยู่อย่างอิสระ ต้องจับกับเซลล์ชนิดอื่นๆ ดังนั้นเมื่อในร่างกายมีสารอนุมูลอิสระไม่อยู่ในสภาวะสมดุล สารอนุมูลอิสระจะไปจับกับเซลล์ชนิดอื่นๆ และทำลายเซลล์นั้น หากจับกับเซลล์โปรตีนหรือคอลลาเจนที่ผิวหนัง ก็จะทำให้เซลล์ผิวหนังแก่ลง หรือเสื่อมสภาพ ซึ่งเป็นที่มาของโรคชราก่อนวัยอันควร แต่หากสารอนุมูลอิสระเข้าจับกับเซลล์ DNA ก็จะส่งผลให้เซลล์มีการแบ่งตัวที่ผิดปกติ อันนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง โรคร้ายที่นับวันจำนวนผู้ป่วยจะทวีความรุนแรงมากขึ้น         ทั้งนี้ แม้ว่าโดยปกติร่างกายจะมีกลไกที่ช่วยควบคุมสารอนุมูลอิสระอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เพียงพอ นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากจึงได้พยายามศึกษา หาหนทางสกัดสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอ ซี อี หรือเบต้าแคโรทีน รวมถึงสารกลุ่ม Polyphe, Flavonoid ซึ่งมีสะสมอยู่ในสมุนไพร ผักและผลไม้ มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม เพื่อช่วยเสริมสร้างกลไกการควบคุมสารอนุมูลอิสระในร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รศ.ดร.ศิริพร โอโกโนกิ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลงานวิจัยหลายชิ้นมักมุ่งประเด็นไปที่สมุนไพร หรือผลไม้ เนื่องจากเป็นที่ทราบดีว่า มีการสะสมสารต้านอนุมูลอิสระ และสารอื่นๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อยู่มาก ดังนั้น ทีมวิจัยจึงตั้งข้อสังเกตว่า ในเมื่อผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงเป็นไปได้หรือไม่ว่าเปลือกผลไม้น่าจะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เช่นกัน กอรปกับขณะนี้ผลงานวิจัยหลายชิ้นในต่างประเทศเริ่มพบว่าในเปลือกผลไม้บางชนิดมีสารกลุ่ม Polyphenolic Compound อยู่ “ที่สนใจเปลือกผลไม้เพราะประเทศไทยเป็นเขตเมืองร้อนมีผลไม้มาก หากพบว่าเปลือกผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระ และสามารถสกัดสารอนุมูลอิสระมาใช้ประโยชน์ในส่วนต่างๆ เช่น การพัฒนาเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องประทินผิว ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ในธุรกิจสปาเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งนับว่าไม่เพียงเพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้ง ช่วยลดปริมาณขยะ ยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้อีกทางหนึ่ง”

บทความ สาระน่ารู้ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดในแวดวง สปา นวดแผนไทย โยคะ เสริมความงาม สุขภาพ 10 อันดับ ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด • แก้ปัญหาหน้าท้องคล้อย แตกลาย ภายหลังคลอดบุตร • มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว • อายุรเวทวิทยาลัย • 70 วิธีการใช้น้ำมันมะพร้าว เพื่อสุขภาพและความงาม • นวัตกรรมใหม่ของลูกประคบสมุนไพรไทย • นวดวัดโพธิ์ปั้นแบรนด์ "เชตวัน" สู่ศูนย์สุขภาพ ครบวงจรเต็มตัว • โรคภูมิแพ้ ไซนัส หอบหืด • รักษาโรคกษัย ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย • รูปร่างสวยด้วยนวดแผนไทยประยุกต์เพื่อสลายไขมัน • 10 อันดับ เดย์สปา ที่ดีที่สุดในโลก < ดูบทความทั้งหมด >

ด้วยเหตุนี้ รศ.ดร.ศิริพร จึงเร่งทำงานวิจัย สารต้านอนุมูลอิสระจากสมุนไพรไทย เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ในการสกัดสารอนุมูลอิสระจากเปลือกผลไม้ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)          รศ.ดร.ศิริพร เล่าถึงการเริ่มต้นงานวิจัยว่า ได้ทำการตรวจสอบก่อนว่าเปลือกผลไม้ไทยชนิดใดบ้างที่มีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระ โดยการนำเปลือกผลไม้ชนิดต่างๆ ได้แก่ เงาะ มังคุด ทับทิม กล้วย แก้วมังกร เสาวรส มะพร้าวอ่อน ลองกอง เข้าสู่กระบวนการสกัดด้วยตัวทำละลายเอทานอล หรือเอทิลแอลกอฮอล์ จากนั้นนำส่วนที่ละลายในตัวทำละลายมาทำการระเหย ส่วนเอทานอล หรือเอทิลแอลกอฮอล์ออกให้หมด เพื่อให้เหลือเฉพาะสารสกัดจากเปลือกผลไม้ จากนั้นนำสารสกัดเปลือกผลไม้มาผ่านกระบวนการทดสอบการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระภายในหลอดทดลอง พร้อมทั้งทำการตรวจสอบว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่พบเป็นสารกลุ่มใด         “ผลการวิจัยพบว่า สารสกัดจากเปลือกผลไม้แต่ละชนิดมีฤทธิ์ในการต้านสารอนุมูลอิสระแตกต่างกัน โดยเปลือกมังคุด เปลือกทับทิม และเปลือกเงาะ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด และผลจากการตรวจสอบ วิเคราะห์ในขั้นต้นพบว่า สารอนมูลอิสระที่พบในเปลือกผลไม้ทั้ง 3 ชนิด นั้น อยู่ในกลุ่ม Polyphenolic Compound” ทั้งนี้ แม้ผลวิจัยจะพบว่าเปลือกมังคุด เปลือกทับทิม และเปลือกเงาะ มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก มีคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระที่เหมาะสมมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ก็ตาม แต่การนำเอาสารสกัดเปลือกผลไม้ไปเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ความงาม หรือการผลิตเป็นอาหารเสริมนั้น จำเป็นต้องมีการทดสอบความเป็นพิษก่อน ทีมวิจัยจึงได้นำเปลือกผลไม้ทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวมาทดสอบความเป็นพิษกับเซลล์เม็ดเลือดขาวปกติในหลอดทดลอง ซึ่งพบว่าเปลือกมังคุดมีสารที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ปกติอยู่มาก ส่วนเปลือกทับทิมจะมีสารที่เป็นอันตรายรองลงมา และเปลือกเงาะพบสารที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ปกติน้อยมาก

............................................................................. โฆษณา-ลิงก์ผู้สนับสนุน .............................................................................

รศ.ดร.ศิริพร กล่าวว่า จากผลวิจัยซึ่งพบว่า เปลือกมังคุดมีสารซึ่งเป็นพิษอยู่มากนั้น อาจเป็นไปได้ว่าตัวทำละลายเอทานอล ได้สกัดเอาสารส่วนอื่นๆ ซึ่งไม่ต้องการออกมาด้วย โดยขณะนี้ทีมวิจัยได้กำลังพัฒนากระบวนการสกัดเพื่อให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระที่บริสุทธิ์มากขึ้น โดยการปรับเปลี่ยนตัวทำละลายและเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดและคัดแยก ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้สำเร็จในปี 2549 นี้ ซึ่งหากทำได้สำเร็จทีมวิจัยเชื่อว่าจะสามารถนำเปลือกผลไม้เหลือทิ้งมาสร้างผลิตภัณฑ์ความงามที่ปลอดภัยต่อการบริโภคในราคาไม่แพงมาก อีกทั้งเป็นการลดปริมาณขยะ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาลได้อีกด้วย
 
นับว่าเป็นเรื่องดีที่ ”ของเหลือทิ้ง” จากเปลือกผลไม้มี “สารต่อต้านอนุมูลอิสระ” เพราะนอกจากจะช่วยให้เราได้จ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์ความงาม ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระในราคาถูกลงแล้ว ยังช่วยลดปริมาณขยะในโลกของเราอีกด้วย
 
บทความสาระน่ารู้
เปลือกผลไม้เหลือทิ้ง เปลือกเงาะ เปลือกมังคุด และเปลือกทับทิม อาวุธที่ใช้ชะลอความแก่
ที่มาบทความ
รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริพร โอโกโนกิ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Custom Search